Hybrid working คืออะไร? มารู้จักสไตล์การทำงานรูปแบบใหม่ในยุค New normal
เนื่องด้วยการระบาดของ COVID-19 ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตอย่างมาก และเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลก ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนคือรูปแบบการทำงาน จากเดิมที่เรามักจะคุ้นเคยกับการตื่นเช้าเพื่อเดินทางไปทำงาน พบปะผู้คนจำนวนมาก ซึ่งกิจวัตรเหล่านี้ได้ถูกเปลี่ยนไป
โดยได้เริ่มมีการทำงานรูปแบบใหม่ที่เรียกว่าการทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home เข้ามาแทนการเดินทางไปทำงาน เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดและการติดเชื้อ COVID-19 ซึ่งการทำงานในรูปแบบนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงช่วยลดค่าใช้จ่ายและไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง อย่างไรก็ดี หลายๆคนกลับมองว่าการทำงานในรูปแบบนี้มักมีผลเสียบางอย่างที่ตามมา เช่น การจัดสรรเวลาในการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว การติดต่อสื่อสารภายในทีม และรวมถึงการทำงานกันเป็นทีมที่อาจลดลง
ด้วยเหตุนี้การทำงานในรูปแบบ “Hybrid Working” จึงกลายเป็นรูปแบบการทำงานแบบใหม่ที่เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน และเป็นทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ในการทำงานและใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน
Hybrid working คืออะไร?
“Hybrid Working” คือรูปแบบการทำงานที่ให้พนักงานทำงานในออฟฟิศ (On-site) สลับกับการทำงานในรูปแบบ Work From Home หรือทำงานจากสถานที่อื่นๆ ก็ได้ ซึ่งการทำงานในรูปแบบใหม่นี้จะไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่สถานที่การทำงานเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเวลาที่พนักงานสามารถเลือกทำงานได้ด้วย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการพูดคุยและตกลงกันภายในทีมหรือภายในบริษัทในการบริการจัดการเวลาในการทำงานให้สอดคล้องกันเพื่อมีการทำงานมีประสิทธิภาพ
Hybrid working ดียังไง?
- ลดค่าใช้จ่ายและเวลาการเดินทาง
แน่นอนว่าในนี้เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในเรื่องของการลดภาระค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการเดินทางของพนักงาน และในส่วนของบริษัทเอกก็สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น การลดค่าน้ำ ค่าไฟ ซึ่งเรามักพบว่าในหลายๆบริษัทได้หันมาเช่าสถานที่ในการทำงานที่เล็กลงอย่าง Co-working space แทน ซึ่งอาจสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้จากเดิมถึง 30%
- Work-life balance.
เมื่อพนักงานสามารถที่จะเลือกสถานที่และจัดสรรเวลาในการทำงานได้ จึงทำให้พวกเขามีเวลามากขึ้นทั้งจากการจัดสรรเวลาและเวลาที่ได้จากการไม่ต้องเดินทางไปทำงาน ซึ่งสามารถนำเวลาที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ไปทำกิจกรรมต่างๆที่สนใจ หรือออกกำลังกายเพื่อดูแลสุขภาพตนเอง ดังนั้นการทำงานในรูปแบบ Hybrid Working จึงตอบโจทย์และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะผู้คนสามารถออกแบบตารางการใช้ชีวิตของเขาได้ด้วยตนเองได้มากขึ้นจากการลดปัจจัยภายนอกที่จะส่งผลต่อการใช้ชีวิต เช่น ระยะเวลาในการเดินทางไปทำงานและเวลาที่ใช้เดินทาง เป็นต้น
- การลดความเครียดในการทำงาน
เนื่องจากสามารถเลือกสถานที่และเวลาในการทำงานที่เหมาะสมให้กับตนเอง ทีม และบริษัท ดังนั้นการที่สามารถเลือกสถานที่การทำงานได้จึงช่วยลดความจำเจและสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานให้กับพนักงานได้ อีกทั้งการที่พนักงานสามารถเลือกและจัดสรรเวลาการทำงานที่เหมาะสมช่วยให้พนักงานและทีมสามารถทำงานได้อย่างยืดหยุ่นและอิสระมากขึ้นโดยไม่มีกรอบของเวลาเข้าออกมาเป็นตัวกำหนด สิ่งเหล่านี้จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นอีกส่วนนึงที่อาจส่งผลให้การทำงานของพนักงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตัวอย่างของ Hybrid working
เรามาดูกันว่าปัจจุบันบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งเริ่มมีการทำงานในรูปแบบ Hybrid Working เข้ามาใช้ในการทำงานจริงและได้ผลตอบรับที่ดี โดยเราจะขอยกตัวอย่าง 3 บริษัท ยักษ์ใหญ่ ดังนี้
- Google มีโมเดลการทำงานแบบ 3/2 วันต่อสัปดาห์ นั่นคือให้พนักงานทำงานที่ออฟฟิศแค่ 3 วันต่อสัปดาห์และทำงานที่ไหนก็ได้อีก 2 วัน
- Microsoft ให้พนักงาน Work From Home 50% ของเวลาทำงานทั้งหมด
- Amazon ได้มีการออกนโยบายให้พนักงานทำงาน 3 วันต่อสัปดาห์ โดยดูตามความเหมาะสม โดยรูปแบบการทำงานจะมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนตามวิจารณญาณของหัวหน้าทีม
สรุป
การทำงานในรูปแบบ Hybrid Working คือการทำงานในรูปแบบใหม่ ซึ่งจะเข้ามาเป็นอีก 1 ตัวเลือกในการทำงานภายในองค์กร ซึ่งการทำงานในรูปแบบนี้จะช่วยให้พนักงานมีอิสระมากขึ้นในการเลือกและจัดสรรทั้งเวลาและสถานที่ ซึ่งหากมีการจัดการที่ดีการทำงานในรูปแบบนี้สามารถช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขในการทำงานไปพร้อมๆกันได้